หน้าเว็บ

กระเบา(ข้อมูลเพิ่มเติม)


สรรพคุณของกระเบา

  1. ผลใช้รักษามะเร็ง (ผล)
  2. เมล็ดมีรสเผ็ดร้อนและขม ใช้เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อตับ ม้าม และไต ใช้เป็นยาขับลม ขับพิษ (เมล็ด)
  3. ช่วยดับพิษทั้งปวง (รากและเนื้อไม้)
  4. ช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ (รากและเนื้อไม้)
  5. ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (เมล็ด)
  6. รากและเนื้อไม้มีรสเบื่อเมา ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนังต่าง ๆ (รากและเนื้อไม้)
  7. ช่วยรักษาบาดแผล (รากและเนื้อไม้)
  8. ช่วยแก้พิษบาดแผลสด (ใบ)
  9. ใบมีรสเบื่อเบา ใช้ฆ่าพยาธิบาดแผล (ใบ)
  10. ใบใช้แก้กลากเกลื้อน (ใบ)ส่วนเมล็ดก็ใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อนได้เช่นกัน อีกทั้งยังช่วยแก้หิดได้อีกด้วย (เมล็ด)
  11. ผลและเมล็ดมีรสเมาเบื่อมัน ใช้แก้โรคผิวหนังต่าง ๆ (ผล, เมล็ด) ตำรายาไทยใช้น้ำมันที่บีบจากเมล็ดเพื่อรักษาโรคผิวหนังอื่น ๆ (เมล็ด) หรือจะใช้เมล็ดประมาณ 5-10 เมล็ด นำมาแกะเปลือกออก แล้วนำมาตำให้ละเอียด เติมน้ำมันพืชลงไปพอควรและคลุกให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาใช้ทาแก้โรคผิวหนัง (เมล็ด)
  12. ผลช่วยรักษาโรคเรื้อน (ผล) ส่วนตำรายาไทยระบุว่าใช้น้ำมันที่บีบจากเมล็ดในการรักษาโรคเรื้อน (เมล็ด)[3] หรือจะใช้น้ำมันจากเมล็ด 3 มล., น้ำ 160 มล., น้ำนมอุ่น 30 มล., น้ำเชื่อม 40 มล. แล้วนำทั้งหมดมาผสมกัน ใช้ดื่มหลังอาหารวันละ 3 เวลาจะช่วยแก้โรคเรื้อนได้ (น้ำมันจากเมล็ด)
  13. เมล็ดนำมาหุงเป็นน้ำมันทาภายนอก ใช้สำหรับทาผมและรักษาโรคผมร่วง (เมล็ด)
  14. ใช้แก้อาการปวดบวมตามข้อ (น้ำมันจากเมล็ด)
  15. ใช้ปรุงเป็นยารักษาอีสุกอีใส ด้วยการใช้กระเบา 50 กรัมและกระเทียม 20 กรัม นำมาตำผสมกับน้ำ 100 cc. แล้วนำมาต้มให้เดือดนาน 5 นาที แล้วนำมาใช้ทาแผลตามร่างกาย ซึ่งจากการทดลองในคนไข้จำนวน 50 คน และใช้ทาเพียงครั้งเดียวพบว่าคนไข้ทั้งหมดมีอาการที่ดีขึ้น (เข้าใจว่าใช้ส่วนของเมล็ด)
  16. ข้อควรรู้และข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระเบา
  17. กระเบามีฤทธิ์กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ยับยั้งมะเร็ง ยับยั้งมดลูกบีบตัว ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร แก้ไข้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านยีสต์ คล้ายกล้ามเนื้อเรียบ รักษาวัณโรค รักษาโรคเรื้อน ทำให้อักเสบ
  18. เมล็ดและใบสดมีสาร Hydrocyanic acid ส่วนเมล็ดมีน้ำมันระเหยประมาณ 20-25% มีน้ำมันที่เป็น Glycerides oil ของ Chaulmoogric acid, Cyclopentenylglycine, Hydnocarpic acid, Alepric acid, Aleprolic acid และ Aleprylic acid, Gorlic acid.
  19. มีรายงานวิจัยระบุว่าน้ำมันที่บีบจากเมล็ดกระเบาโดยไม่ใช้ความร้อน จะมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคเรื้อนและวัณโรค
  20. น้ำมันจากเมล็ดมีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิไส้เดือน กระตุ้นการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง
  21. น้ำมันจากเมล็ดกระเบาในสมัยก่อนสามารถนำมาใช้รักษาโรคเรื้อนได้ดีนานพอควร และยังใช้รักษาเชื้อราของโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้อีกด้วย
  22. การใช้สาร Hydnocarpic acid จะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเรื้อนได้มากกว่าสาร Chaulmoograte และหากนำมาใช้ร่วมกับ Chaulmoograte จะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเรื้อนได้ดีกว่า
  23. พิษเฉียบพลันของเมล็ดกระเบา เมื่อนำเมล็ดมาต้มน้ำหรือสกัดด้วยแอลกอฮอล์แล้วนำไปฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จะรู้สึกปวดแสบมาก และยังทำให้เซลล์กล้ามเนื้อตายด้านอย่างเฉียบพลันอีกด้วย ถ้าหากนำมารับประทานมากเกินไป จะทำให้มีอาการอาเจียนปวดท้อง ปวดลำไส้ ทำให้ไตอักเสบ ปัสสาวะมีโปรตีน และปัสสาวะเป็นเลือด
  24. น้ำมันจากเมล็ดใช้ฉีดเข้าในผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ ซึมผ่านแผล (Direct infusion) ในครั้งแรกให้ใช้ 0.5 มล. ต่อมาให้ใช้ 1 มล. อาทิตย์ละครั้ง ใช้ฉีดน้ำมันใส่ผม จะช่วยรักษาผิวหนังบนศีรษะ รักษาคุดทะราด และยังใช้เป็นยาแก้มะเร็ง
  25. ใบและเมล็ดกระเบาเป็นพิษ (มีสาร Cyanogenetic glycoside)
  26. เมล็ดกระเบาส่วนมากจะนำมาใช้เป็นยาภายนอก ถ้าหากต้องการใช้ผสมกับตำราอื่นเพื่อรับประทาน จะต้องมีวิธีการกำจัดพิษในเมล็ดก่อนที่จะนำมาใช้ได้ และห้ามรับประทานเกินจากที่กำหนด

ประโยชน์ของกระเบา

  1. ผลแก่สุกใช้รับประทานแต่เนื้อในเป็นอาหารได้ เนื้อนุ่ม มีรสหวานมันคล้ายกับเผือกต้ม
  2. ผลเป็นอาหารของลิงและปลา มีรสชาติมัน และมีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต แป้ง และน้ำตาล
  3. น้ำมันจากเมล็ดใช้ปรุงเป็นน้ำมันสำหรับใส่ผมเพื่อรักษาโรคบนหนังศีรษะได้[5]
  4. น้ำมันจากเมล็ดกระเบา (Chaulmoogra oil หรือ Hydnocarpus oil) สามารถนำไปดัดแปลงทางเคมีเพื่อใช้เป็นยาทาภายนอก ยาฉีด หรือยารับประทาน เพื่อใช้บำบัดโรคผิวหนังและช่วยฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี เช่น การนำไปใช้บำบัดโรคเรื้อน โรคเรื้อนกวาง หิด คุดทะราด โรคผิวหนังผื่นคันที่มีตัวทุกชนิด รวมไปถึงการนำไปใช้รักษามะเร็งได้อีกด้วย
  5. ชาวพิจิตรจะใช้เมล็ดกระเบานำมาตำให้ละเอียดให้สุนัขกลืนแบบดิบ ๆ จะช่วยทำให้สุนัขที่เป็นโรคเรื้อนหายเป็นปกติได้จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยา (เมล็ดกระเบามีฤทธิ์ทำให้เมาได้ ต้องใช้แต่น้อย)
  6. เนื้อไม้กระเบามีสีแดงแกมสีน้ำตาลเมื่อตัดใหม่ และนานไปจะเป็นสีน้ำตาลอมสีเทา เนื้อไม้เป็นเสี้ยนตรง เนื้อละเอียดและสม่ำเสมอ มีความแข็ง สามารถผ่าเลื่อยได้ง่าย สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้าง ใช้ทำกระดานพื้นบ้านได้
  7. กระเบาเป็นต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ ต้นมีเรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบและไม่ผลัดใบ จึงสามารถให้ร่มเงาได้ตลอดทั้งปี และยิ่งในช่วงการแตกใบอ่อนสีชมพูแดงจะให้สีสันสวยงามมาก ส่วนดอกถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีกลิ่นหอมแรง อีกทั้งยังมีผลที่มีขนาดใหญ่ดูคล้ายผลทองแลดูสวยงาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น