สรรพคุณของปอกระสา
- ผลมีสรรพคุณเป็นยาชูกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 3-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือบดเป็นผงผสมกับเหล้าทำเป็นยาเม็ดรับประทาน (ผล)
- ผลมีรสหวานชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อตับ ม้าม และไต มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงสายตา ช่วยทำให้ตาสว่าง (ผล)
- เปลือกลำต้นนำมาเผาไฟให้เป็นเถ้าแล้วบดให้ละเอียดใช้แต้มตา
แก้ตาเป็นต้อ หรือจะใช้ผลแห้งประมาณ 3-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
หรือบดเป็นผงผสมกับเหล้าทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้เช่นกัน (เปลือก, ผล)
- ใช้รักษาอาการหูอื้อ ตามัว หรือตาไม่สว่าง ด้วยการนำใบมาบดให้เป็นผงละเอียด แล้วทำเป็นยาเม็ดรับประทาน (ใบ)
- น้ำคั้นจากเปลือกกิ่งก้านอ่อนใช้รับประทานเป็นยาแก้โรคตาแดง (กิ่งก้านอ่อน)
- เปลือกกิ่งก้านอ่อน นำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำรับประทานแก้ก้างปลาหรือกระดูกติดคอ (กิ่งก้านอ่อน)
- ใบใช้เป็นยาแก้ร้อนในตับ ในกระเพาะ (ใบ)
- รากและเปลือกมีรสหวานฝาด เป็นยาสุขุม ใช้เป็นยาแก้ไอ ด้วยการใช้เปลือกลำต้นที่แห้งแล้วประมาณ 6-9 กรัม นำมาบดให้ละเอียดหรือทำเป็นยาก้อนเล็ก ๆ หรือใช้ต้มเอาน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไอ หรือจะใช้รากและเปลือกรากแห้งประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไอ แก้ไข้ก็ได้เช่น (รากและเปลือก)
- เปลือกมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาเจียน (เปลือก)
- ใช้เป็นยาขับลมชื้นในร่างกาย (รากและเปลือก)
- ช่วยแก้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด แก้อาเจียนออกมาเป็นเลือด กระอักเลือด ตกเลือด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มแล้วคั้นเอาน้ำรับประทาน (ใบ)
- ใช้เป็นยาแก้บิด บิดเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด สตรีตกเลือด สามารถห้ามเลือดได้ ด้วยการใช้เปลือกลำต้นที่แห้งแล้วประมาณ 6-9 กรัม นำมาบดให้ละเอียดหรือทำเป็นยาก้อนเล็ก ๆ หรือใช้ต้มเอาน้ำรับประทาน (รากและเปลือก)
- ผล รากและเปลือก มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ
ด้วยการใช้เปลือกลำต้นที่แห้งแล้วประมาณ 6-9 กรัม
นำมาบดให้ละเอียดหรือทำเป็นยาก้อนเล็ก ๆ หรือใช้ต้มเอาน้ำรับประทาน
หรือจะใช้รากและเปลือกรากแห้งประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำรับประทาน (ผล, รากและเปลือก)
- ใช้เป็นยาแก้ปัสสาวะเป็นมีหนอง ด้วยการนำใบมาบดให้เป็นผงละเอียด แล้วทำเป็นยาเม็ดรับประทาน (ใบ)
- ราก ต้น และใบ
ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวาร (ราก, ต้น,
ใบ)
- ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 3-6
กรัม นำมาต้มแล้วคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือจะใช้เปลือกลำต้นที่แห้งแล้วประมาณ 6-9
กรัม นำมาบดให้ละเอียดหรือทำเป็นยาก้อนเล็ก ๆ หรือใช้ต้มเอาน้ำรับประทาน
หรือจะใช้รากแห้งประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำรับประทาน
ส่วนอีกวิธีใช้ผลแห้งประมาณ 3-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาลดอาการบวมน้ำ
(ใบ,
รากและเปลือก, ผล)
- ผลใช้เป็นยาบำรุงตับและไต ด้วยการใช้ผลแห้งประมาณ 3-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือบดเป็นผงผสมกับเหล้าทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้ (ผล) ส่วนรากและเปลือกก็มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไตเช่นกัน (รากและเปลือก)
- ใบนำมาตำคั้นเอาน้ำ
หรือเอากากมาพอกบริเวณที่เป็นบาดแผลมีเลือด จะเป็นยารักษาแผลสด ช่วยห้ามเลือด
หรือจะใช้เปลือกกิ่งก้านอ่อนที่นำมาตำให้ละเอียด เอากากมาพอกบาดแผลที่มีเลือดออก
(กิ่งก้านอ่อน, ใบ)
ส่วนรากและเปลือกใช้ภายนอกก็มีสรรพคุณเป็นยาสมานแผลสดเช่นกัน
ด้วยการใช้รากแห้งนำมาหั่นและบดให้เป็นผงละเอียด ใช้ใส่บริเวณที่เป็นแผลสด
แผลฟกช้ำ (รากและเปลือก)
- ยางนำมาใช้ภายนอกเป็นยาทาแก้กลากเกลื้อน หรือจะใช้ยางสด 10 ส่วน ผสมกับแอลกอฮอล์หรือวาสลิน 90 ส่วน ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็น (ยาง) ส่วนใบใช้เป็นยา
- แก้กลากเกลื้อนหรือประสาทผิวหนังอักเสบ แก้ผื่นคัน ด้วยการนำใบมาตำคั้นเอาน้ำ หรือเอากากมาพอกบริเวณที่เป็น (ใบ)
- ใช้เปลือกกิ่งก้านอ่อนที่นำมาตำให้ละเอียด เอากากมาพอกบริเวณที่เป็นผื่นคัน (กิ่งก้านอ่อน)
- ผลนำมาตำแล้วใช้พอกบริเวณที่มีฝีหนอง (ผล)
- ใช้รากแห้งประมาณ 3-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำรับประทานเป็นยาแก้ปวดฝี (รากและเปลือก)
- ใบใช้ตำพอกรักษาแผลจากตะขาบ งู แมงป่อง และแมลงที่มีพิษกัดต่อย ด้วยการนำใบมาตำคั้นเอาน้ำ หรือเอากากมาพอกบริเวณที่เป็น (ใบ)
- ยางก็ใช้เป็นยาทาแก้พิษงู แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย (ยาง)
- ผลมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงเส้นเอ็นและกระดูก (ผล)
- นอกจากนี้หากมีอาการปวดเวียนศีรษะบ่อย ๆ กระหายน้ำ ปากขม ท้องผูก มีอาการการหลั่งน้ำอสุจิยามนอนหลับ หรือมีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย ก็ให้ใช้ถั่วดำประมาณ 1 ถ้วยชา นำมาต้มเอาแต่น้ำ ใช้แช่ผลปอกระสาที่แห้งแล้ว จากนั้นนำมาตากให้น้ำถั่วแห้งสนิท ใส่เมล็ดเก๋ากี้ แล้วคั่วรวมกันให้เกรียม บดให้เป็นผงละเอียด ใช้รับประทานวันละ 15 กรัม (ผล)
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม ราก เปลือก และใบ
ให้นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ครั้งละ 10-18 กรัม ส่วนรากสดและใบ ใช้ต้มน้ำประมาณ
30-70 กรัม ส่วนผลให้ใช้ครั้งละ 6-15 กรัม (ยาจีนส่วนมากจะใช้ผลเป็นยามากกว่า)
ข้อควรระวัง :
ไม่ควรรับประทานผลปอกระสาในปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้กระดูกอ่อน
อีกทั้งยังทำให้ท้องร่วงได้อีกด้วย
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของปอกระสา
- ในผลปอกระสามีวิตามินบีและมีน้ำมัน ประมาณ 31.7%
และในน้ำมันยังพบสาร Saponin อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบสาร
Oleic acid, Linoleic acid, Fructose ส่วนใบและเปลือกปอกระสา
พบสาร Flavonoid Glycoside, Phenols, Carboxylicaid และมีสาร
Tannin
- จากการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
จำนวน 233 คน โดยการใช้เปลือกสด หลังจากที่ขูดเอาผิวนอกออกแล้วประมาณ 30 กรัม
นำมาต้มรวมกับพลูคาวสด 15 กรัม และต้นเสี้ยวหนี่อั้ง (Oldenlandia
lancea (Thunb.) O.Ktze) สด 15 กรัม แล้วกรองเอาแต่น้ำกินวันละ 3
ครั้ง พบว่าหายขาดคิดเป็น 17.6% และมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คิดเป็น 27.4%
- จากการรักษาผู้ที่เป็นโรคกลากเกลื้อน จำนวน 9 ราย โดยใช้น้ำยางสดมาทาบริเวณที่เป็น วันละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 15 วัน พบว่ามีผู้หายทันทีจำนวน 4 ราย ส่วนที่เหลือจะหายขาดในเวลาต่อมา
- จากการทดสอบกับผู้ที่ถูกผึ้งต่อยจนอักเสบ จำนวน 22 ราย โดยใช้ใบปอกระสาแห้ง นำมาบดให้ละเอียด จากนั้นก็ใช้น้ำตาลทรายและน้ำข้าว นำมาทาบริเวณแผล ผลการทดสอบพบว่าได้ผล แก้อาการบวมอักเสบได้ทุกราย
ประโยชน์ของปอกระสา
- เปลือกใช้ทำกระดาษสา ทอผ้า เส้นใย ใช้ในงานศิลปะต่าง ๆ เส้นใยจากเปลือกใช้ทำผ้าตาปาซึ่งใช้ในฟิจิ ตองกา ซามัว และตาฮิติ (กระดาษสาที่ได้จะมีคุณสมบัติทนทานไม่กรอบและไม่เปื่อยยุ่ยง่าย สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน โดยกระดาษสาสามารถนำมาทำเป็นสิ่งประดิษฐ์และของใช้ได้มากมาย เช่น กระดาษห่อของขวัญ กระดาษห่อของกันแตก ร่ม ว่าว พัด ดอกไม้ โคมไฟ ตุ๊กตา ของชำร่วย บัตรอวยพรต่าง ๆ เป็นต้น) ทางภาคเหนือจะใช้เส้นใยจากเปลือกลำต้นปอกระสา นำมาทำเป็นกระดาษหรือกระดาษทำร่ม โดยมีกรรมวิธีในการทำคือ ให้นำเปลือกสดมาทุบให้อ่อน แล้วนำไปแช่ในน้ำปูนขาว จากนั้นก็นำมาต้มน้ำให้เดือดจนได้เส้นใยออกมา แล้วนำมาล้างด่างออกให้หมด จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง ก็จะได้กระดาษชนิดหยาบ ถ้าเอามาเผาบนพื้นแก้วหรือนำมารีดให้เรียบก็จะได้เป็นกระดาษ ใช้ทาน้ำมันทำเป็นกระดาษทำร่มกันฝน กันแดดได้ นอกจากนี้เปลือกต้นยังสามารถนำมาทำเป็นเชือกหรือใช้ทอผ้าได้อีกด้วย
- แกนของลำต้นที่เหลือจากการลอกเปลือกออกไปแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ทำเยื่อกระดาษได้ โดยใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ ซึ่งจะมีปริมาณเยื่อกระดาษอยู่ในระดับสูงประมาณร้อยละ 50 และ 70 ในการผลิตเยื่อโซดาและเยื่อนิวทรัลซัลไฟต์เซมิเคมิคัล ตามลำดับ
- เปลือกต้นใช้ทำเชือกหรือนำมาลอกออกแล้วนำไปขายได้ประมาณกิโลกรัมละ 10-20 บาท
- ใบหรือยอดอ่อนนำมาหั่นหยาบ ๆ ใช้เป็นอาหารหมู หรือต้มให้หมูกิน หรือนำมาหั่นแล้วต้มผสมรำเป็นอาหารหมู หรือใช้ใบเป็นอาหารเลี้ยงวัว เลี้ยงปลา
- ผลสุกหรือเมล็ดใช้เป็นอาหารของนกและกระรอก
- น้ำมันจากเมล็ดใช้สำหรับทำเครื่องเขิน สบู่
- ใช้เป็นแหล่งสีธรรมชาติ โดยการนำใบมาสกัดจะได้สีเหลือง
- เนื้อไม้ใช้ทำตะเกียบและไม้จิ้มฟัน
- ต้นปอกระสาจัดเป็นไม้เนื้ออ่อนเจริญเติบโตได้รวดเร็ว จึงเหมาะปลูกเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว ปลูกเป็นสวนป่า นอกจากจะเป็นไม้โตเร็วแล้วยังมีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ขยายพันธุ์ได้ง่าย และช่วยลดมลภาวะได้อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น