ผักแขยง(ข้อมูลเพิ่มเติม)
สรรพคุณของผักแขยง
- ผักแขยงมีรสเผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุน
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ลดอาการเบื่ออาหาร (ทั้งต้น)
- หมอยาพื้นบ้านแนะนำว่า
ให้กินผักแขยงเพื่อป้องกันเส้นเลือดตีบตันและไข้ร้อนใน (ทั้งต้น)
- ใช้เป็นยาแก้ไข้ ลดไข้
ด้วยการใช้ต้นผักแขยงสด ๆ ประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน (ทั้งต้น)
- ตำรายาพื้นบ้านภาคอื่น ๆ
จะใช้ผักแขยงทั้งต้นและรากเป็นยาแก้ไข้หัวลม โดยใช้ในปริมาณตามต้องการ
ก่อนนำมาใช้ให้ล้างน้ำให้สะอาดเสียก่อน แล้วนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำกิน
(ทั้งต้น)
- ทั้งต้นใช้เป็นยาขับลมและเป็นยาระบายท้อง
(ทั้งต้น)
- ทั้งต้นมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ
(ทั้งต้น)
- ใช้แก้อาการคัน กลาก และฝี
ด้วยการใช้ต้นสดนำมาต้มกับน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็น หรือนำมาคั้นเอาน้ำทา
หรือนำมาตำพอกบริเวณที่เป็น (ทั้งต้น)
- ทั้งต้นใช้ตำพอกแก้อาการบวม
(ทั้งต้น)
- ใช้เป็นยาแก้พิษงู
(สำหรับงูพิษที่ไม่มีพิษร้ายแรง) ด้วยการใช้ต้นสด ๆ ประมาณ 15 กรัม
นำมาตำให้ละเอียดผสมกับต้นฟ้าทะลายโจรสด ประมาณ 30 กรัม
แล้วนำไปผสมกับน้ำส้มในปริมาณพอควร คั้นเอาน้ำดื่ม ส่วนกากที่เหลือให้เอามาพอกรอบ
ๆ บาดแผล แต่อย่าพอกบนบาดแผล (ต้น)
- ทั้งต้นแห้งที่เก็บไว้นาน 1 ปี
เมื่อนำมาต้มกับน้ำดื่ม จะมีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษเบื่อเมา (ทั้งต้น)
- ตำรายาพื้นบ้านทางภาคอีสานจะใช้ผักแขยงทั้งต้นเป็นยาช่วยขับน้ำนมของสตรี
โดยจะนำมาใช้หลังจากการคลอดบุตรมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากตอนคลอดบุตรใหม่ ๆ
ร่างกายของคุณแม่อาจยังไม่เข้าที่หรือยังอ่อนแอมาก
กลิ่นของผักแขยงอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้ได้ (ทั้งต้น)
- ทั้งต้นมีสรรพคุณช่วยแก้น้ำนมแม่ที่มีรสเปรี้ยว
(ทั้งต้น)
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของผักแขยง
- ภายในต้นผักแขยงจะมีน้ำมันหอมระเหย
ซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับน้ำมันสน โดยมีอยู่ประมาณ 0.13% และยังประกอบไปด้วย d-limonene และ d-perillaldehyde
- น้ำมันหอมระเหยของผักแขยงมีฤทธิ์ต่อต้านจุลินทรีย์
มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง โดยเฉพาะแมลงในกลุ่มทำลายผลไม้
ประโยชน์ของผักแขยง
- ผักแขยงจัดเป็นผักพื้นบ้านในกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
จึงช่วยในการต้านมะเร็ง และต้านการเจริญของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้
- การรับประทานผักแขยงแบบสด ๆ
ยังช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นเต่าได้ด้วย
- ทั้งต้น ยอดอ่อน และใบอ่อน
สามารถรับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ ก้อย แจ่ว น้ำพริก ส้มตำ ซุปหน่อไม้
หรือนำไปเป็นเครื่องปรุงรสและแต่งกลิ่นช่วยดับกลิ่นคาวสำหรับต้มส้ม แกงหน่อไม้
แกงอ่อมต่าง ๆ เช่น อ่อมกบ อ่อมเขียด อ่อมหอย อ่อมปลา อ่อมเนื้อวัว เป็นต้น
- ผักแขยง (ชนิด Limnophila aromatica (Lam.) Merr.) เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
โดยคุณค่าทางโภชนาการของผักแขยงต่อ 100 กรัม จะประกอบไปด้วย พลังงาน 26 แคลอรี,
น้ำ 92%, โปรตีน 1.2 กรัม, ไขมัน 0.5 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 4.2 กรัม, ใยอาหาร 1.2 กรัม, เถ้า 0.9 กรัม, วิตามินเอ 3,833 หน่วยสากล, วิตามินบี 1 0.85
มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.12 มิลลิกรัม, วิตามินบี 3 0.44 มิลลิกรัม, วิตามินซี 10 มิลลิกรัม,
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 2.7
มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 3.3 กรัม
- ในปัจจุบันผักแขยงแห้งจัดเป็นสินค้าสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้ว
เนื่องจากทั้งคนไทย ลาว เขมร เวียดนาม
ที่นิยมบริโภคผักชนิดนี้ได้ไปพำนักพักอาศัยอยู่กันในแถบยุโรปและอเมริกาแล้ว
- งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าน้ำมันหอมระเหยจากผักแขยงมีฤทธิ์ต่อต้านจุลินทรีย์
จึงได้มีการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์
และน้ำมันหอมระเหยของผักแขยงยังมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลงในกลุ่มที่ทำลายผลไม้ได้อีกด้วย
- ส่วนประโยชน์ในด้านอื่น ๆ
เกษตรกรจะนำผักแขยงมาใช้ในการไล่แมลง และยังมีงานวิจัยที่พบว่า
น้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้ซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับน้ำมันสน
และสารสกัดด้วยไอน้ำสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มักพบปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารและนม
รวมถึงเนื้อสัตว์และไข่ไก่ ซึ่งทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ
- ในด้านของความเชื่อ มีเรื่องเล่ากันว่า
ผู้ที่รับประทานผักแขยงสด ๆ ก่อนนอน
ผีพ่อม่ายหรือผีแม่ม่ายจะไม่กล้ามาเอาไปเป็นผัวเมีย (ป้องกันโรคใหลตาย
ซึ่งมักเกิดกับหนุ่มสาวทางภาคอีสาน)
ข้อควรระวังในการใช้ผักแขยง
- สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน เพราะชาวอีสานเชื่อว่าหากสตรีมีครรภ์รับประทานผักแขยงแล้วจะเกิดอาการผิดสำแดง
- มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า
ผักแขยงมีสารแคลเซียมออกซาเลต (oxalate) ในปริมาณสูง
โดยสารชนิดนี้จะไปสะสมในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต กระเพาะปัสสาวะ
ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดนิ่วในอวัยวะต่าง ๆ ได้
จึงควรระมัดระวังในการรับประทานในปริมาณมากและเป็นประจำ
แต่ตามภูมิปัญญาอีสานก็มีวิธีแก้ไขกันอยู่บ้าง
คือการนำไปประกอบอาหารที่มีรสเปรี้ยว
เพราะสารที่ให้รสเปรี้ยวนี้จะสามารถทำให้ผลิตออกซาเลตละลายได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น