สรรพคุณของผักแพว
- ผักแพวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย และช่วยในการชะลอวัย (ใบ)
- ช่วยป้องกันและต่อต้านมะเร็ง (ใบ)
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ (ใบ)
- ใบใช้รับประทานช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
- ช่วยบำรุงประสาท (ราก)
- รสเผ็ดของผักแพวช่วยทำให้เลือดลมในร่างกายเดินสะดวกมากขึ้น (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคหวัด (ใบ)
- ช่วยขับเหงื่อ (ดอก)
- ช่วยรักษาโรคปอด (ดอก)
- ช่วยรักษาหอบหืด (ราก)
- ช่วยแก้อาการไอ (ราก)
- ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันและแก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงถึง 9.7 กรัม ซึ่งจัดอยู่ในผักที่มีเส้นใยอาหารมากที่สุด 10 อันดับของผักพื้นบ้านไทย (ใบ)
- ผักแพวมีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยแก้ลม
ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ, ยอดผักแพว) ใช้เป็นยาขับลมขึ้นเบื้องบน
ช่วยให้เรอระบายลมออกมาเวลาท้องขึ้น ท้องเฟ้อ (ใบ, ดอก,
ต้นราก)
- รากผักแพวช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร (ราก) แก้กระเพาะอาหารพิการหรือกระเพาะอักเสบ (ใบ, ดอก, ต้นราก)
- ช่วยแก้ท้องเสีย อุจจาระพิการ (ใบ, ดอก, ต้นราก)
- ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง (ใบ, ดอก, ต้นราก)
- ช่วยแก้อาการท้องรุ้งพุงมาน (ใบ, ดอก, ต้นราก)
- ใบผักแพวช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด แต่ต้องรับประทานติดต่อกัน 5-8 วัน
- ลำต้นผักแพวใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)
- ราก ต้น ใบ และดอก นำมาปรุงเป็นยาได้
ใช้รักษาริดสีดวงทวาร (ใบ, ดอก, ต้น,
ราก)
- ช่วยรักษาโรคตับแข็ง (ใบ)
- ช่วยลดอาการอักเสบ (ใบ)
- ใบผักแพวใช้แก้ตุ่มคัน ผดผื่นคันจากเชื้อรา
เป็นกลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบหรือทั้งต้นนำมาคั้นหรือตำผสมกับเหล้าขาว
แล้วใช้เป็นยาทา (ใบ, ทั้งต้น)
- ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ราก)
- ช่วยรักษาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก (ราก)
- ช่วยแก้เส้นประสาทพิการ
แก้เหน็บชาตามปลายนิ้วมือ ปลายเท้า และอาการมือสั่น (ใบ, ดอก, ต้นราก)
- ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงเลือดลมของสตรี (ใบ, ดอก, ต้นราก)
ประโยชน์ของผักแพว
- รสเผ็ดของผักแพวช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในเลือด เหมาะเป็นผักสมุนไพรลดความอ้วนได้โดยไม่ขาดสารอาหาร เพราะอุดมไปด้วยเส้นใยและวิตามิน แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่มากพอหรือวันละไม่น้อยกว่า 3 ขีด
- ผักแพวมีวิตามินเอสูง
จึงช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี โดยมีวิตามินเอสูงถึง 8,112 หน่วยสากล ในขณะที่อีกข้อมูลระบุว่ามีมากถึง 13,750 มิลลิกรัม
- ผักแพวเป็นผักที่ติดอันดับ 8 ของผักที่มีวิตามินซีสูงสุด โดยมีวิตามินซี 115 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม
- ผักแพวมีแคลเซียมสูงถึง 390 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม จึงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี
- ผักแพวมีธาตุเหล็กสูงสุดติด 1 ใน 5 อันดับของผักที่มีธาตุเหล็กสูง
- ยอดอ่อนและใบอ่อนใช้ประกอบอาหาร ใช้รับประทานเป็นผักสด หรือใช้แกล้มกับอาหารที่มีรสจัด ใช้เป็นเครื่องเคียงของอาหารอีสาน อาหารเหนือ อาหารเวียดนาม หรือนำมาหั่นเป็นฝอย ใช้คลุกเป็นเครื่องปรุงสดประกอบอาหารประเภทลาบ ลู่ ตำซั่ว ก้อยกุ้งสด ข้าวยำ แกงส้ม เป็นต้น
- ใบผักแพวนำมาใช้แกงประเภทปลา เพื่อช่วยดับกลิ่นของเนื้อสัตว์หรือกลิ่นคาวปลาได้
คุณค่าทางโภชนาการของผักแพว ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 54 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 7.7 กรัม
- เส้นใยอาหาร 1.9 กรัม
- ไขมัน 0.5 กรัม
- โปรตีน 4.7 กรัม
- น้ำ 83.4%
- วิตามินเอ 8,112 หน่วยสากล
- วิตามินบี 1 0.05 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.59 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 1.7 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 77 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 79 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 2.9 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 272 มิลลิกรัม
ข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย
(ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย)
Tip : การเลือกซื้อผักแพว
ควรเลือกซื้อผักแผวสด หรือดูที่ความสดของใบเป็นหลัก ไม่เหี่ยวและเหลือง
แต่ถ้ามีรอยกัดแทะของหนอนและแมลงบ้างก็ไม่เป็นไร
ส่วนการเก็บรักษาผักแพวก็เหมือนกับผักทั่ว ๆไป
คือเก็บใส่ในถุงพลาสติกแล้วปิดให้สนิท หรือจะเก็บใส่กล่องพลาสติกสำหรับเก็บผักก็ได้
แล้วนำไปแช่ตู้เย็นในช่องผัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น