สรรพคุณของหางไหลแดง
1.ตำรับยาพื้นบ้านจังหวัดสุโขทัย จะใช้เถาหางไหลแดงนำมาตากให้แห้ง
หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้ดองกับเหล้ากินเป็นยาขับโลหิตและบำรุงโลหิตของสตรี (เถา)
2.เถาผสมกับยาอื่นปรุงเป็นยาแก้ประจำเดือนเป็นลิ่มหรือเป็นก้อน
และเป็นยาขับประจำเดือน (เถา)
3.เถาตากแห้ง นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้ดองกับเหล้ากินเป็นยาถ่ายลม
ถ่ายเสมหะ ถ่ายโลหิต และถ่ายเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นหย่อน (เถา)
4.ใช้รักษาหิด เหา และเรือด ด้วยการใช้เถาสดยาวประมาณ 2-3 นิ้วฟุต
นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมันพืช ใช้ชโลมบนเส้นผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
แล้วสระออกให้สะอาด โดยให้สระติดต่อกัน 2-3 วัน (เถา)
ข้อควรระวัง : การใช้สมุนไพรทุกชนิดนี้อาจมีผลข้างเคียงได้
ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยก่อนนำมาใช้เป็นยาควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง
-รากและลำต้นหางไหลแดงมีสาร rotenone และสารในกลุ่ม rateniods ต่าง ๆ จากการศึกษาความเป็นพิษของสาร rotenone พบว่า มีสารพิษเฉียบพลันทางปากหนูต่อหนู (rats) LD50 132-1,500 มก./กก.
ความเป็นพิษทางปากต่อหนูตะเภา (guinea pig) LD50 60-1,500
มก./กก.
-การศึกษาความเป็นพิษเรื้อรังโดยใช้เวลาการศึกษานาน 90 วัน
ทางปากของหนูทดลองพบว่า จะทำให้หนูทดลองโตช้ากว่าปกติ มีอาการเบื่ออาหาร
อาเจียนบ่อย เนื้อเยื่อภายในกระเพาะ ลำไส้ ตับ และไตมีความผิดปกติ
-จากการทดสอบเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ พบว่า หนู หนูตะภา และกระต่าย
ที่ได้รับสาร rotenone หนูตัวเมียจะลดการตั้งครรภ์
ส่วนหนูที่ตั้งครรภ์แล้ว ลูกหนูจะตายในครรภ์แม่ ส่วนลูกหนูที่รอดตาย พบว่า
จะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ จึงแสดงให้เห็นว่า
สารชนิดนี้มีความเป็นพิษต่อตับอ่อนเมื่อเริ่มปฏิสนธิ
-จากการศึกษาทางพันธุกรรม พบว่า rotenone ทำให้เกิด mutate ในบาง culture ของเซลล์หนู
และยังพบว่ามีการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งในหนูเผือก (albino rats)
-หากร่างกายได้รับสาร rotenone จะทำให้เกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลัน
โดยจะทำให้เยื่อตาขาวอักเสบเป็นผื่น อาเจียน เจ็บคอ เลือดคั่งในตา
ประโยชน์ของหางไหลแดง
1.ใช้เป็นยาฆ่าแมลง หรือไล่แมลง โดยนำรากหรือเถาแก่สด (จำนวนที่ใช้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และแมลง)
มาทุบให้แตกมาก ๆ (โดยทั่วไปถ้าเป็นรากสดให้ใช้ 1/2-1 กิโลกรัม
ส่วนรากแห้งให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง) แล้วแช่ลงในน้ำ 1 ปี๊บ ทิ้งไว้อย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง
เพื่อให้สารที่มีความเป็นพิษละลายออกมา ซึ่งน้ำที่ได้จะขาวเหมือนน้ำซาวข้าว
จากนั้นให้กรองเอารากออก
แล้วเอาน้ำที่ได้มาใช้เป็นยาฆ่าแมลงฉีดพ่นในแปลงพืชผักหรือสวนผลไม้
โดยให้ฉีดพ่นทุก ๆ 7 วัน
และควรฉีดในช่วงเย็น เพราะสารโรตีโนนจะสลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกแสงแดด
(มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้) ส่วนการนำมาใช้กำจัดหนอนในนาข้าว
ให้นำรากมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
ทุบให้ละเอียดก่อนแล้วนำไปหว่านให้ทั่วนาข้าวและทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง (เหมาะกับนาข้าวที่ไม่มีปลา)
หรือจะใช้ในรูปของสารละลายนำมาฉีดพ่นเลยก็ได้ โดยสารพิษที่อยู่ในหางไหลแดง
เรียกว่า "โรตีโนน" (rotenone) จะไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นอย่างมนุษย์
จึงสามารถนำมาใช้ได้ดี อีกทั้งสารพิษชนิดนี้ยังสลายตัวได้ง่าย
ไม่ติดค้างอยู่บนพืชผักเหมือนยาฆ่าแมลงทั่วไป
2.ใช้เป็นยาเบื่อปลา ด้วยการนำรากมาตัดเป็นชิ้นขนาดเล็กยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร บดให้ละเอียด
แล้วจึงนำไปร่อนเพื่อแยกเอาส่วนที่บดละเอียดไปใช้ในการเบื่อปลา
หรือนำลำต้นมาทุบแล้วนำไปแช่ไว้ในลำห้วย จะทำให้ปลาเมา สามารถจับมากินได้ง่าย
ส่วนในหมู่เกาะโซโลมอนจะใช้ใบของหางไหลแดงนำไปใส่ในรูร่วมกับทรายในปริมาณเท่ากันและบดให้เข้ากันจะได้เม็ดสีเขียว
แล้วนำไปหว่านในน้ำ ปลาที่ถูกสารพิษจะมีอาการมึนเมาและลอยขึ้นเหนือน้ำ แล้วจึงแทงด้วยฉมวก
นำมาบริโภคเป็นอาหารได้ต่อไป
3.พืชชนิดนี้มีใบดกร่มทึบ สามารถนำมาปลูกเป็นไม้ร่มหรือไม้ดอกได้
4.เนื่องจากหางไหลแดงเป็นพืชในตระกูลถั่ว
การปลูกพืชชนิดนี้นอกจากจะสามารถปลูกเพื่อไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงดินแล้ว
ยังใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นจากดินและป้องกันการชะล้างหน้าดินได้อีกด้วย
ส่วนในแง่การนำมาปลูกเป็นพืชฆ่าแมลงหรือปลูกเพื่อผลิตสารฆ่าแมลง
โดยทั่วไปแล้วจะปลูกกันเป็นแปลงใหญ่
การเก็บหางไหลแดงมาใช้ประโยชน์
-การเก็บรากมาใช้ประโยชน์ ในกรณีที่ปลูกด้วยกิ่งชำ จะเก็บได้ตั้งแต่เมื่อมีอายุ
22-27 เดือน เพราะช่วงนี้จะมีสารโรตีโนนมากที่สูง
(ประมาณ 4-5%) ซึ่งโดยทั่วไปจะแนะนำให้เก็บในช่วงอายุ 24 เดือน การขุดรากควรขุดในช่วงฤดูแล้ง เพราะช่วงนี้ต้นหางไหลแดงจะผลัดใบ
ทำให้สารสำคัญถูกเก็บไว้ในราก โดยจะใช้คนขุดหรือรถแทรกเตอร์ขุดก็ได้
เมื่อขุดมาแล้วควรนำมาล้างดินออก แล้วนำไปแขวนหรือผึ่งบนตะแกรงให้แห้งในที่ร่ม
(ห้ามผึ่งกลางแดด เพราะสารโรตีโนนจะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน)
ส่วนการผลิตนำมาผลิตเป็นยาฆ่าแมลง มีคำแนะนำว่าควรจัดให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี
ใส่หน้ากากและถุงมือทุกครั้งเพื่อป้องกันสารพิษ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผิวหนังอักเสบและอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น