สรรพคุณของต้นแก้ว
1.ใบมีรสร้อนเผ็ดและขม ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ใบ)
2.ช่วยคลายการอุดตันของเส้นเลือด
ทำให้การไหลเวียนของเลือดลมเป็นไปได้ดีขึ้น (ราก)
3.ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (ดอก, ใบ)
4.ช่วยแก้อาการไอ (ดอก, ใบ)
5.ราก ก้าน และใบสดสามารถนำมาใช้เป็นยาชาระงับอาการปวดได้
จึงมีการนำมาใช้เป็นยาแก้อาการปวดฟันและปวดกระเพาะ (ราก, ก้าน, ใบสด)[3],[4] บ้างก็ว่าก้านและใบสดมีรสเผ็ดร้อนขม
นำมาต้มใช้เป็นยาอมบ้วนปากแก้อาการปวดฟันได้เช่นกัน (ก้านใบ, ใบสด)
6.รากใช้เป็นยาแก้ฝีฝักบัวที่เต้านม
(ราก)
7.รากใช้เป็นยาช่วยขับลมชื้นในร่างกาย
แต่ต้องนำไปใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน (ราก)
8.ใบช่วยแก้ท้องเสีย (ใบ)
9.ช่วยแก้บิด (ใบ)
10.ใบช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ (ใบ)
11.ช่วยในการย่อยอาหาร (ดอก, ใบ)
12.ใช้เป็นยาแก้ปวดกระเพาะ ด้วยการใช้ใบแก้วแห้ง, กานพลู, เจตพังคี, และเปลือกอบเชย นำมาบดเป็นผงใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นยารับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง
หรือจะนำผงที่ได้มาบดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองก็ได้
โดยใช้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง (ใบแห้ง)
13.ใบใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืด (ใบ)
14.ใบใช้เป็นยาขับประจำเดือนหรือระดูของสตรี (ใบ) หรือจะใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม
(สดให้ใช้ 30-60 กรัม) นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว
ใช้รับประทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง
เช้าและเย็น (รากแห้ง)
15.รากและต้นแห้งนำมาหั่นและต้มเคี่ยวแล้วกรองเอาแต่น้ำมาใช้
ช่วยเร่งการคลอดบุตรของสตรี โดยใช้ผ้าพันแผลจุ่มกับน้ำยาสอดเข้าไปที่ปากมดลูก (ราก, ต้นแห้ง)
16.รากใช้เป็นยาแก้ฝีในมดลูก (ราก)
17.รากสดใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผล (รากสด) ใช้เป็นยาแก้แผลคัน (ราก)
18.ใช้เป็นยาแก้ผดผื่นคันที่เกิดจากความชื้นและที่เกิดจากแมลงกัดต่อย
(ราก, ก้าน, ใบสด) แก้อาการคันที่ผิวหนัง (ราก)
19.แก้แมลงสัตว์กัดต่อย
ด้วยการใช้รากและใบสดนำมาต้มใช้ชะล้างบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อย (ราก, ใบสด) แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
(ราก)
20.รากสดมีรสเผ็ดสุขุม นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้แผลฟกช้ำได้ (รากสด) แก้ฟกช้ำดำเขียว (ราก)[3] แก้แผลเจ็บปวดที่เกิดจากการกระทบกระแทก
(ใบ)
21.ช่วยแก้ฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบแก้วสด, ขมิ้น, ขิง และไพร นำมาตำให้ละเอียดและผสมกับเหล้า แล้วนำไปคั่วให้ร้อน
นำผ้าสะอาดห่อ ใช้เป็นยาประคบบริเวณที่มีอาการฟกช้ำประมาณ 20-30 นาที โดยให้ทำวันละ 2-3 ครั้ง (ใบสด)
22.รากใช้แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย บรรเทาอาการปวดบวม
แต่ต้องนำไปใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน (ราก) บ้างว่าใช้รากแห้งนำมาหั่นเป็นฝอยใช้ตุ๋นกับหางหมูเจือกับสุราใช้กินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยเอว
(รากแห้ง)
23.ก้านและใบสดเมื่อนำมาบดแช่กับแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง สามารถนำมาใช้ทาหรือฉีดเป็นยาระงับอาการปวดได้ (ก้านใบ, ใบสด)
24.ดอกและใบใช้เป็นยาแก้ไขข้ออักเสบ (ดอก, ใบ)
วิธีและปริมาณที่ใช้ของสมุนไพรแก้ว
-รากและใบแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-18 กรัม
แต่หากเป็นยาสดให้ใช้ครั้งละ 20-35 กรัม
-ใช้เป็นยารักษาภายใน เพื่อแก้อาการท้องเสีย แก้บิด และขับพยาธิ
ให้ใช้ก้านและใบสดประมาณ 10-15 กรัม
นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว ใช้รับประทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง
เช้าและเย็น หรือจะนำมาดองกับเหล้าแล้วใช้ดื่มแต่เหล้าครั้งละ 1 ถ้วยตะไลก็ได้
-ใช้เป็นยาภายนอก ให้ใช้ก้านและใบสดนำมาตำแล้วพอกหรือจะคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณที่เป็น
หรืออีกวิธีให้ใช้ใบแห้งนำมาบดเป็นผงใช้โรยใส่แผลก็ได้
หากใช้เป็นยาแก้ปวดหรือเป็นยาชาเฉพาะที่ก็ให้ใช้ใบและก้านสดที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% ถ้าเป็นในส่วนของรากแห้งหรือรากสดก็ให้นำมาตำแล้วพอก
หรือจะนำไปต้มเอาแต่น้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นก็ได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นแก้ว
-ในใบมีน้ำมันหอมระเหย 0.25
โดยประกอบไปด้วยสาร Bisabolene, Carene, Citronellol,
Eugenol, Geraniol, I-Candinenem, Paniculatin, Phebalosin, Methyl Anthranilate,
Scopoletin, Scopolin
-ในกิ่ง เปลือกก้าน และผลของต้นแก้วมีสาร Mexoticin I, Hibiscetin, Heptamethyleeher I
-สารสกัดจาก Petroleum ether ของต้นแก้ว
เมื่อนำมาทดลองกับลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กของหนูขาวที่ทำการผ่าออกจากร่าง
พบว่าสารดังกล่าวมีประสิทธิภาพทำให้การเกร็งตึงที่กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้มีการหย่อนคลาย
-จากการทดลองกับหัวใจที่ออกจากร่างของกบพบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเต้นของหัวใจของกบด้วย
-สารจากต้นแก้วที่ทำการสกัดด้วยแอลกอฮอล์
มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อหรือช่วยยับยั้งเชื้อ Bacullus Inuza และเชื้อ Btaphylo Coccus ได้
ประโยชน์แก้ว
1.ก้านใบสามารถนำมาใช้ทำความสะอาดฟันได้
2.ผลสุกสามารถนำมาใช้รับประทานเป็นอาหารได้
3.ต้นแก้วเป็นไม้ประดับที่มีทรงพุ่มสวยงาม ตัดแต่งเป็นพุ่มได้ง่าย
เป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีและไม่ต้องการการบำรุงรักษามากนัก
เพียงแต่รดน้ำเพียงครั้งคราวเท่านั้น จึงนิยมนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ประธานตามสวนหย่อม
ริมทะเล ฯลฯ โดยจะปลูกเป็นต้นเดี่ยว ๆ หรือใช้ปลูกแบบเป็นกลุ่ม ๆ ก็ได้
หรือใช้ปลูกเป็นรั้วบังสายตา ใช้ปลูกเพื่อให้ร่มเงาก็ได้ อีกทั้งยังออกดอกดก
ดอกมีความสวยงามและมีกลิ่นหอม (การปลูกจากกิ่งตอนจะเป็นไม้พุ่ม
แต่การปลูกในที่ร่มใบจะเขียวเข้ม มีกิ่งยืดยาว และให้ดอกน้อย)
4.คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าหากบ้านใดปลูกต้นแก้วไว้เป็นไม้ประจำบ้าน
จะทำให้คนในบ้านมีแต่ความดีและมีคุณค่า เนื่องจากคำว่า "แก้ว"
นั้นมีความหมายว่า สิ่งที่ดีและมีคุณค่า เป็นที่นับถือของคนทั่วไป
เพราะคนโบราณได้เปรียบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เหมือนดั่งดวงแก้ว
นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าบ้านที่ปลูกต้นแก้วไว้เป็นไม้ประจำบ้าน
จะทำให้คนในบ้านเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน
เปรียบเสมือนแก้วที่มีความสดใสและมีความใสสะอาด
และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย ควรปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันตกและควรปลูกในวันพุธ
เพราะคนโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้ดอกเพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันพุธ
5.ดอกแก้วยังถูกนำมาใช้บูชาพระในพิธีทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่งอีกด้วย
6.ในต่างประเทศ เช่น
ชาวเกาะชวามีความเชื่อว่าต้นแก้วสามารถช่วยขับไล่วิญญาณร้าย แม่มด หรือปีศาจ
และช่วยในการปัดเป่าโชคร้ายต่าง ๆ และยังนำความสุขสมหวังมาให้
จึงมีการปลูกเป็นไม้ดับกันอย่างแพร่หลาย
อีกทั้งต้นแก้วยังถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์
โดยมีตำนานเล่าว่าสุลต่านแห่งยอกยาการ์ต้า
มักจะหาที่พักสงบจิตใจและรวบรวมสมาธิใกล้ ๆ กับต้นแก้วก่อนที่จะเสด็จเพื่อเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านเมือง
ต้นแก้วจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมีสมาธิและสติปัญญาไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ในพิธีแต่งงาน
ดอกแก้วยังเปรียบเสมือนคำอวยพรถึงคู่บ่าวสาวที่ขอพรให้ใช้ชีวิตคู่กันอย่างสุขสมหวังและหอมหวานเสมือนกลิ่นของดอกแก้วนั่นเอง
อีกทั้งใบของต้นแก้วก็นำมาใช้ในพิธีศพด้วย โดยมักจะใช้โรยบนพื้นก่อนนำศพลงไปวาง
เพราะใบแก้วมีกลิ่นหอมที่สดชื่น จึงช่วยดับกลิ่นเหม็นคลุ้งของศพได้นั่นเอง
7.เนื้อไม้ของต้นแก้วเมื่อนำมาแปรรูปใหม่ ๆ จะเป็นสีเหลืองอ่อน
พอนานเข้าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมสีเทา เนื้อไม้มีเสี้ยนตรงหรือสน
มีความละเอียดอย่างสม่ำเสมอ และมักมีลายพื้นหรือลายกาบในบางต้น สามารถเลื่อย ผ่า
ไส ขัด หรือนำมาตบแต่งได้ดี อีกทั้งยังมีลายไม้ที่สวยงาม
โดยเนื้อไม้นั้นจะนิยมนำมาใช้ในการทำเครื่องเรือน เครื่องตกแต่งภายในบ้าน ภาชนะต่าง
ๆ หรือใช้ทำด้ามเครื่องมือ ด้ามปากกา ไม้บรรทัด ไม้เท้า ไม้ตะพด กรอบรูป
เครื่องดนตรี ซออู้ ซอด้วง เครื่องกลึง ฯลฯ
8.มีข้อมูลระบุว่าสารสกัดจากต้นแก้วใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักในประเทศมาเลเซีย
ซึ่งในโฆษณาระบุว่ามันเป็นสูตรยาสมุนไพรเก่าแก่ โดยมีสรรพคุณในการช่วยลดความอยากอาหารได้โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น